นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง ข่าวการปรับลดวงเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟส 2 เหลือ 5,000 บาท ว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีข้อสรุป โดยจะต้องมีการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจัดทำข้อสรุปเพื่อนำเสนออีกครั้ง โดยยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะทันแจกในช่วงก่อนสงกรานต์ ปี 68 หรือไม่
ส่วนจะเก็บไว้เป็นไพ่เด็ด มาแจกช่วง Low season หรือไม่ รมช.คลัง กล่าวว่า ก็ใกล้เคียงแบบนั้น แต่ขอดูอีกที
ส่วนที่มีข้อกังวลว่ายิ่งแจกเงินเฟส 2 ล่าช้า จะยิ่งกระทบต่อเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เมื่อแบ่งเฟสแล้ว ต้องคำนวณจุดที่เหมาะสมที่สุด เพราะทิ้งห่างไปก็ไม่ดี และต้องไม่ใช่ช่วงที่ใส่เงินลงไปแล้ว เกิดแรงบวกที่ไม่ชัด
สำหรับการแจกเงิน 10,000 บาทในก้อนเดียว แต่หากต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบนั้น นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า อิมแพคทางเศรษฐกิจก็จะลดลงไปตามสัดส่วนในแต่ละรอบ แต่เม็ดเงินที่เติมลงไปนั้น ไม่ได้หายไปไหน เงินจะยังหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ และโมเมนตัมจะส่งผลไปถึงช่วงไฮซีซั่น หลังจากนั้นต้องคำนวณจังหวะเวลาที่เหมาะสม ที่จะเติมเม็ดเงินก้อนถัดไป เพื่อเป็นแรงส่งเสริมให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปตามที่วางไว้
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการโอนเงิน 10,000 บาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า มีการดำเนินการโอนเงินครบถ้วน ส่วนที่โอนไม่ผ่าน ประมาณ 3.8 แสนราย แบ่งเป็น กลุ่มผู้พิการยังมีคงค้าง 8,829 ราย และกลุ่มผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 372,458 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีรายการเดินบัญชี, บัญชีปิดไปแล้ว ประมาณ 2 หมื่นกว่าราย และกลุ่มที่ยังไม่ผูกบัตรกับพร้อมเพย์อีก 3.5 แสนราย
อย่างไรก็ดี ในกระบวนการจ่ายเงิน จะมีการโอนซ้ำซึ่งเป็นรอบเก็บตกอีก 3 รอบ (22 ต.ค., 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค.) โดยมีการใส่เงินเข้าไปในระบบแล้วประมาณ 141,000 ล้านบาท คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.35% ของจีดีพี
นายจุลพันธ์ ย้ำว่า รัฐบาลต้องการดำเนินการเรื่องเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะถ้ารออีก 3 เดือน อาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งการปรับเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินตรงกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางนั้น ยอมรับว่า มีบางคนนำเงินไปใช้จ่ายนอกเหนือในสิ่งที่รัฐบาลคาดหวัง เช่น ไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือซื้อหวย แต่ถ้าเทียบสัดส่วนแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนน้อย
เราคงจะเอาเรื่องนี้มาเป็นปัญหา และไม่เดินหน้าโครงการ ก็คงจะไม่ได้ แต่ในเฟสถัดไป จะพยายามทำในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต และวางกลไกข้อบังคับให้ตรงกับสิ่งที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ทั้งหมด นายจุลพันธ์ กล่าว
พร้อมยืนยันว่าตั้งแต่มีการโอนเงินให้กลุ่มเปราะบาง 10,000 บาท ส่งผลให้เกิดความคึกคักในระบบเศรษฐกิจ ตลาดมีความคึกคัก และเชื่อว่าคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ ซึ่งกลไกการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะขึ้นกับเม็ดเงินที่ใส่ลงไป และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
ขอบคุณเนื้อหาจาก สยามนิวส์ https://www.siamnews.com/view-119560.html