เป็นที่จับตามอง อย่างมาก หลังจากมีโปรดเกล้าฯ ให้ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์เนื่องจากลาออกจากราชการ
แม้จะรู้ว่า พล.อ.อภิรัชต์ ได้ทำเรื่องกราบบังคมทูล ขอลาออกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาเนื่องจากปัญหาสุขภาพทั้งเรื่อง เส้นเลือดหัวใจ ไซนัสโพรงจมูกเรื้อรัง และ เส้นเลือดในสมอง และมีการโปรดเกล้าฯให้ ไปลาพัก เพื่อรักษาตัว ก่อน ที่จะมีโปรดเกล้าฯ ให้ออกจากราชการทั้งตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง และ รองผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
และตามมาด้วยคำสั่งให้พ้นจากการเป็นนายทหารพิเศษ ประจำ ทม.รอ. ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการพ้นจากราชการในพระองค์ส่งผลให้ พล.อ.อภิรัชต์ ได้กลายเป็นพลเรือนเต็มตัวเพราะ แม้จะเคยเป็นนายทหารเก่าแต่ได้ถูกโอนย้ายจากกองทัพบก ไปเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ แต่งเครื่องแบบสีกากีแล้ว ก่อนที่จะลาออก
ดังนั้น จึงมีการออกคำสั่งให้พ้นจากการเป็น นายทหารพิเศษ ที่หมายถึง ไม่ต้องสวมใส่เสื้อคอแดง และติด อาร์มดำ ของ ทม.รอ. อีก เมื่อสวมเครื่องแบบทหารบก นอกราชการ ในฐานะ อดีต ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่านับจากนี้ พลเอกอภิรัชต์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนักพระราชวังและหน่วยในพระองค์อีกต่อไป
แม้จะถูกมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เชื่อมโยงกับ “ดีลลังกาวี” ช่วงก่อนการเลือกตั้ง และนำมาซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่าง พรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและขั้วอนุรักษ์นิยม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในเวลานั้น ร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของ “3 ป.” ในการเดินหน้าตั้งรัฐบาลเพื่อปิดโอกาสของพรรคก้าวไกล ในการเป็นรัฐบาล
หลังจากที่มีภาพหลุดที่ลังกาวีของ พล.อ.อภิรัชต์ ส่งผลให้ต่อมามีคำสั่งจากสำนักพระราชวังให้ลงโทษ พล.อ.อภิรัชต์ ด้วย เวรโทษ 30 วัน จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ ก็กราบบังคมทูลขอลาออก จนร่ำลือกันว่า พล.อ.อภิรัชต์ ถึงคราวอัสดงแล้ว
แต่ในอีกมุมหนึ่งกำลังถูกจับตามองว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ อาจเข้าสู่การเมืองได้ในอนาคต เพราะหาก ดีลลังกาวี ที่เชื่อกันว่ามีจริง Mission ของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็จะต้องดำเนินต่อไป
หลังจากที่ช่วงแรกของการจัดตั้งรัฐบาลมีชื่อ พล.อ.อภิรัชต์ เป็น รมว. กลาโหม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นชื่อของ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ เอง ที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ไม่อาจมารับตำแหน่งในทางการเมืองได้ในเวลานั้น
แต่ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่องคมนตรีรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทใกล้ชิดแทนแล้วก็ถึงคิวที่ พล.อ.อภิรัชต์ จะออกมาทำหน้าที่อื่นแทน ดังนั้นแม้จะมีข่าวว่าลาออกเพราะเรื่องสุขภาพแต่ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ยังดูแข็งแรงดีและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติดังนั้นในอนาคตอันใกล้ก็อาจเข้ามาสู่การเมืองในทางใดทางหนึ่ง
แต่ในห้วงแรกหลังจากได้ลาออกมา พล.อ.อภิรัชต์ ก็ต้องไปรักษาดูแลร่างกายให้แข็งแรง ที่ต่างประเทศเช่นที่สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นจังหวะ ที่ลูกสาว ไปเรียนด้านการแพทย์เพิ่มเติมที่สหรัฐฯ พอดี พล.อ.อภิรัชต์จึงไปรักษาตัวที่สหรัฐด้วย
แต่ย่อมถูกจับตามองถึงบทบาทที่จะมาอยู่เบื้องหลังขั้วอนุรักษ์นิยมในการปฏิบัติตามดีล กับนายทักษิณเพื่อจับมือกันในการสู้ศึกกับพรรคการเมืองและขบวนการล้มล้างสถาบันกษัตริย์
โดยเฉพาะวันนี้มี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ ทักษิณ มาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ต้องการผู้ช่วยมือดี คนสำคัญมาช่วยเคลียร์ปัญหาต่างๆที่รุมเร้าและจ้องจะรุมเร้า อยู่เบื้องหลัง ในการเคลียร์ปัญหาเคลียร์เส้นทางเพราะมีคิวที่ จะถูกฟ้องร้องยาวเป็นหางว่าว รวมถึงการถูกจับผิดอีกนานานับจากนี้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของนิติสงครามที่จะเอาข้อกฎหมายมาล้มรัฐบาล
ในจำนวนนี้ก็มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ที่พปชร. เพิ่งถูกเขี่ยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หลังจาก ทักษิณ เห็นว่าอยู่เบื้องหลังการที่ 40 ส.ว. ร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ ปลด เศรษฐา ทวีสิน จนพ้นเก้าอี้นายกฯ จากเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ที่แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ที่เคยถูกคดีมาเป็นรัฐมนตรี
หากทุกอย่างเป็นไปตาม ดีล พล.อ.อภิรัชต์ จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนางเอกของนายกฯหญิง ที่เกิดจาก รัฐบาลผสมข้ามขั้วเวอร์ชั่น 2 ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่ได้โปรดเกล้าฯให้ พล.อ.อภิรัชต์ ออกจากราชการและตัดทุกส่วนไม่ให้เกี่ยวข้องกับสถาบัน เพราะจากนี้ไป พล.อ.อภิรัชต์ กระทำการหรือเคลื่อนไหวใดๆก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันแต่อย่างใด
การที่ พล.อ.อภิรัชต์ ออกมา ใช้ชีวิตเช่น ประชาชนพลเรือน และเป็นทหารเก่าเช่นนี้ ก็มีอิสระที่จะดำเนินการใดๆ ในฐานะที่เป็นทหารรักษาพระองค์เก่า ที่มีความจงรักภักดีและยังคงเป็นห่วงกองทัพ อยู่ทุกลมหายใจ
ที่น่าจับตาคือเป็นจังหวะที่ พล.อ.ณัฐพล ได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหมทำงานกับ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พอดี ดังนั้นจึงอาจมองได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์ ก็จะเป็นเสมือนที่ปรึกษาส่วนตัว และ Backup อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ณัฐพล อยู่ พร้อมเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 20 ที่จะมาเป็นทีมงานที่กลาโหมอีกหลายคน
ในขณะที่กองทัพก็จะมี “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก เตรียมทหารรุ่น 26 น้องรัก ของ พล.อ.อภิรัชต์ ขึ้นเป็นผบ. ทบ.คนใหม่และจะนั่งนานถึง 2570 พร้อมควบคู่กับ นายกฯแพทองธาร จนถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า ที่จะทำให้ผบ.ทบ. มีอำนาจที่ แข็งแกร่ง เป็นหลักให้กับความมั่นคงของประเทศ
และสอดคล้องกับมีแรงสนับสนุนอย่างมหาศาลให้ Big ใหญ่พลโทอมฤทธิ์บุญสุริยาแม่ทัพน้อยที่หนึ่งเตรียมทหารรุ่น 27 น้องรักสายทหารเสือราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นแม่ทัพภาคหนึ่งคุมกำลังสำคัญในกรุงเทพฯและภาคกลางหรือที่ถูกเรียกว่าเป็นขุมกำลังปฏิวัติเพราะถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ ก็คือพี่รักน้องเลิฟที่จะจับมือเคียงคู่กันดูแลกองทัพและสถาบันกษัตริย์ ต่อไป
และในเงื่อนไขของดีล ผสมข้ามขั้วนี้ก็จะทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ เป็นแม่ทัพ ที่อยู่ข้างนอกและมีอิสระในการที่จะช่วยเสริมกำลั งนายกฯแพทองธาร ในการสู้ศึก กับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ด้วยนั่นเอง
ขอบคุณเนื้อหาจาก สยามรัฐ https://siamrath.co.th/n/565934