6 ธันวาคม 2567 ที่กองบังคับการปราบปราม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เดินทางมาพร้อมกับ ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหา พยายามกรรโชกทรัพย์ กรณีดิไอคอนกรุ๊ป และ ข้อหาหมิ่นประมาท กรณี คุณหนุ่มกรรชัย จากกรณีคลิปเสียง 20 ล้าน เรียกรับเงินจาก บอสปัญ ดิไอคอนกรุ๊ป โดยแอบอ้าง คุณหนุ่ม กรรชัย แลกกับการพาไปออกรายการดัง
ซึ่ง ฟิล์ม รัฐภูมิ บอกว่า วันนี้พกความมั่นใจมาเต็ม 100% เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ยืนยันเหมือนเดิมจากวันแรกจนถึงวันนี้ และไม่ได้เครียดอะไร ก็ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนทุกวัน และไม่ได้มีการติดต่อ คุณหนุ่มกรรชัย ไปส่วนตัว วันนี้เตรียมหลักฐานมามากพอสมควร
ด้าน ทนายประมาณ ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะทนายความมองว่า ฟิล์ม ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทั้ง 2 ข้อหา ส่วนที่ตำรวจมีหลักฐานพบว่า ถ้อยคำมีบักษณะของการข่มขู่ให้จ่ายเงิน 20 ล้านนั้น ทนายประมาณ มองว่า ถ้อยคำไม่เพียงพอ เพราะกรรโชกทรัพย์ จะต้องข่มขู่ให้ยอม แต่องค์ประกอบดังกล่าวไม่เข้าข่ายกรรโชกฯ และวันนั้นการพูดคุยเป็นการคุยตอนที่ ฟิล์ม จะไปประเทศจีน อยู่สนามบิน ก็นึกว่า ว่าเป็นคุยเรื่องส่วนตัว บางถ้อยคำอาจจะเลยเถิดล้ำเส้นไปบ้าง ในการแสดงความสนิทสนมกับคุณหนุ่มมากเกินไป
ส่วนกรณีเงิน 20 ล้านบาท ก็ได้รับมาจาก น.ส.กฤษอนงค์ ฟิล์ม ก็พูดไปตามข้อมูลจาก น.ส.กฤษอนงค์ คำพูดลีลาเหมือนคุณฟิล์มเสนอ แต่งบตัวนี้มาก่อนอยู่ด้วย โดยแนวทางการต่อสู้คดีจะต่อสู้ตามข้อเท็จจริง ที่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อนอยู่แล้ว และจากคำให้การจากพยานอื่นๆ ที่ให้การมานั้น ก็ไม่ได้กังวลใจอะไร แต่ต้องบอกว่าเกี่ยวข้องกับฟิล์มอย่างไรด้วย
ทั้งนี้มั่นใจว่าไม่ผิดใช่หรือไม่ ทนายประมาณ บอกว่า ให้ศาลชี้ขาด แต่เบื้องต้น องค์ประกอบไม่ครบข้อหาความผิด
ขณะที่ มีรายงานข่าวจากพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ชุดทำคดี “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ระบุว่า ตามขั้นตอนในวันนี้ หลังจากที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะทำการแจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหาคือ ‘พยายามกรรโชกทรัพย์’ กรณีของดิไอคอนกรุ๊ป และ ข้อหา ‘หมิ่นประมาท’ กรณีของ คุณหนุ่ม กรรชัย โดยรวมเป็นคดีเดียวกัน เพราะเป็นพฤติกรรมเดียวกัน และหลังจากแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ก็จะมีการปล่อตัว และจะนัดหมายมารายงานตัวอีกครั้ง หลังจากนี้อีก 15 วัน
ส่วนกรณีที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีที่ตำรวจตั้งข้อหา ‘พยายามกรรโชกทรัพย์’ ตำรวจชุดทำคดี ระบุว่า จะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมอยู่ที่คลิปเสียงซึ่งเป็นพยานหลักฐาน และเป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งในดุลยพินิจของตำรวจ จากพฤติการณ์มองว่า สิ่งที่มีการสนทนาในคลิปเสียง เป็นเรื่องของการข่มขู่ให้จ่ายเงิน 20 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการหลอก จึงไม่ได้เข้าข่ายพยายามฉ้อโกง
แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่า มีถ้อยคำบางอย่างมีลักษณะของการข่มขู่ เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวและให้ส่งมอบเงิน 20 ล้านบาท จึงทำให้เข้าข้อหา พยายามกรรโชกทรัพย์ และยืนยันว่า จะได้รับความเป็นธรรม 100% อย่างแน่นอน ไม่มีใครกลั่นแกล้ง ตำรวจกองปราบปรามทำงานมีมาตรฐาน และไม่ได้ทำงานตามกระแส แต่ทำงานตามข้อเท็จจริง ซึ่งคดีนี้มีพยานหลักฐานไปถึงแน่นอน
ขอบคุณเนื้อหาจาก NATIONTV https://www.nationtv.tv/news/crime/378952527