จากกรณีนาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน พร้อมกับนาง ปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน
โดยตำรวจจับกุมตัวทนายตั้ม และภรรยา ได้ที่ถนน 304 แยกไฟแดงพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวอ้างว่ากำลังจะเดินทางไปปฏิบัติธรรม ไม่ได้จะหนีออกนอกประเทศ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 9 พ.ย. 67 ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปที่วัดป่าหวายวิปัสสนาญาณ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ตามข้อมูลที่ระบุว่า ทนายตั้มกับภรรยาตั้งใจจะเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้
ทันทีที่มาถึงทีมข่าวได้เข้ากราบหลวงปู่พลชัย เจ้าอาวาส เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว
หลวงปู่พลชัย ยืนยันว่า ทนายตั้มจะเดินทางมาปฏิบัติวัดจริง โดยได้มีการโทรศัพท์ติดต่อมาหาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าอาทิตย์หน้าจะมาหา จะมาปฏิบัติธรรมสักหน่อย ทั้งยังพูดด้วยว่า ตอนนี้วุ่นวายมากครับหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ก็ได้ตอบกลับทนายตั้มว่า “ดีแล้วมาสิ มาสงบสติอารมณ์บ้าง
หลวงปู่พลชัย บอกว่า เมื่อวานนี้ได้ดูข่าวที่ตำรวจสกัดจับทนายตั้มกับภรรยาที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตำรวจมองว่าทั้ง 2 คน มีเจตนาจะหลบหนีออกนอกประเทศ ส่วนตัวมองว่า ไม่เป็นความจริง เพราะมีการโทรศัพท์มานัดหมายล่วงหน้าแล้ว แต่เนื่องจากวัดอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศกัมพูชาจึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขณะที่ทนายตั้มกับภรรยา เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่นี่หลายปีแล้ว ซึ่งก็จะมาประมาณปีละ 2 – 3 ครั้ง มาครั้งละ 2 – 3 คืน แล้วแต่จะสะดวก
หลวงปู่พลชัย บอกว่า ที่วัดจะมีการนั่งวิปัสสนา กรรมฐานทุกวัน เพื่อฝึกจิต โดยไม่มีพิธีกรรมอื่น ทั้งเรื่องการเสริมดวง เสริมบารมี ซึ่งเจตนาที่ทนายตั้มจะเดินทางมาก็คิดว่า น่าจะมาสงบจิตสงบใจในช่วงที่กำลังมีเรื่องมีราว
หลวงปู่พลชัย บอกว่า ที่ผ่านมาทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กับครอบครัว ก็เคยเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่นี่ แล้วมีครั้งนึงที่เคยเดินทางมาพร้อมกับทนายตั้ม /ขณะที่ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ก็เป็นอีกคนที่เคยเดินทางมาปฏิบัติธรรม โดยครั้งสุดท้ายมากับภรรยา ซึ่งมาปฏิบัติธรรมประมาณ 2 – 3 วัน แต่ยืนยันว่า บิ๊กโจ๊กกับทนายตั้มไม่เคยเดินทางมาพร้อมกัน
หลวงปู่พลชัย บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทนายตั้มเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งหลวงปู่ก็ไม่รู้เรื่องด้วย ขณะที่หลวงปู่ ไม่ฝากอะไรถึงทนายตั้ม แต่บอกว่า เรื่องแบบนี้ใครทำผิดก็ต้องรับผิด ถ้าไม่ได้ทำก็ต้องสู้ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่สำหรับทุกคนที่มาฝึกปฏิบัติธรรม ฝึกกรรมฐานที่วัด หลวงปู่ก็จะสอนให้มีสติ ทำอะไรก็ต้องพิจารณาให้ดี ถ้าทำอะไรโดยขาดสติ ก็ต้องว่าไปตามกรรมของแต่ละคน
ทั้งนี้หลังให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว หลวงปู่พลชัยได้เปิดโทรศัพท์มือถือ ให้ดูเพื่อยืนยันว่าทนายตั้ม ได้โทรศัพท์มานัดหมายล่วงหน้าจริง ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่า ทนายตั้ม ได้ใช้เบอร์ส่วนตัว ที่ลงท้ายด้วย 9999 โทรเข้ามา เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เวลา 20.59 น.จริง
ต่อมาหลวงปู่พลชัย พร้อมกับลูกศิษย์ ยังได้ทีมข่าวไปดูที่พักสำหรับคนที่มาปฏิบัติธรรม เพื่อไขข้อข้องใจ กรณีตำรวจตรวจพบกระเป๋าเดินทาง หมอน และผ้าห่ม ท้ายรถหรูของทนายตั้ม พร้อมระบุว่า ข้าวของเหล่านี้เป็นไปตามปกติสำหรับคนที่เดินทางมาปฏิบัติธรรม ซึ่งทางวัดได้มีการเตรียมที่นอน หมอน ผ้าห่ม ไว้ให้ แต่บางคนสะดวกที่จะนำมาเองก็สามารถนำมาได้
ขอบคุณเนื้อหาจาก สยามนิวส์ https://www.siamnews.com/view-122129.html