เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 ที่ พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวมีการประเมินว่าการเมืองจะกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ ว่า ต้องคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน การขับเคลื่อน การเคลื่อนไหวทางการเมือง ของใครก็ตาม ถ้าเราเป็นประชาชนที่สนใจการเมือง และมีประสบการณ์ เราสามารถใช้ประสบการณ์ของเราให้คำแนะนำต่อฝ่ายการเมืองไปคิดพิจารณาได้ ซึ่งท่านทักษิณก็ทำบทบาทแต่เพียงเท่านี้ คือการให้คำแนะนำประสบการณ์ของคนเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมอย่างเป็นมาก และประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องครอบครัว การประกอบธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรให้หายไปกับคนคนนั้น ควรเอาประสบการณ์เหล่านี้มาเล่าให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน
“ท่านไม่สามารถที่จะสั่งการรัฐบาลในทางการเมืองได้ เพราะมีกฎหมายมีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แต่สิ่งที่ท่านได้พูดออกมาเท่าที่ตนติดตามคือเรื่องการแชร์ประสบการณ์ เหมือนกับผมทุกวันนี้ที่แชร์ประสบการณ์ให้กับกก.บห.พรรคภูมิใจไทย ว่าสมัยก่อนเจอแบบนี้จะทำอย่างไร หรือว่าเวลาตอบโต้จะต้องตอบโต้ในจังหวะจะโคนอย่างไร ส่วนคนที่รับผิดชอบพรรคในยุคนี้จะทำหรือไม่ทำ ท่านจะรับฟังหรือไม่รับฟังก็เป็นเรื่องของท่าน ดังนั้น ถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นความสบายใจ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า มีคนเป็นห่วงว่า ระบอบทักษิณ จะกลับมาฟื้นคืนชีพหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องจำกัดความก่อนว่า ระบอบทักษิณคืออะไร ถ้าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสุข เกิดความสะดวก มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น ก็ถือว่าถือว่าเป็นระบอบที่โอเค
“แต่วันนี้เรื่องของปัจเจกบุคคลไม่มีแล้ว เพราะวันนี้เป็นองคาพยพของรัฐบาลผสมที่มีความชัดเจนว่าไม่ใช่ระบอบใดระบอบหนึ่ง แต่เป็นการทำงานร่วมกันภายใต้การนำกับนายกฯ ดังนั้น จึงมีความชัดเจนว่าเราทำงานขับเคลื่อนเป็นนโยบายของรัฐบาล” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ประกาศว่าจะนำพรรคเพื่อไทยชนะศึกเลือกตั้งครั้งหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคก็ต้องพยายามชนะใจประชาชน เหมือนเล่นกีฬาเวลาแข่งขันเล่นกอล์ฟเราก็อยากชนะ แต่ต้องอยู่ในเกม ถ้าอยู่ในเกมก็ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นการแข่งขันเอาศักยภาพ เอาฝีมือของตัวเองออกมา แล้วประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ต่อให้เราสมหวังหรือไม่สมหวังถ้าเราได้ใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มที่แล้ว และประชาชนตัดสินใจแล้ว ต้องถือว่าเราไม่มีความเสียใจหรือว่าเครียดแค้นใดๆ
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงการขับเคลื่อนพรรคภูมิใจไทยในปีที่ 16 ว่า นโยบายพรรค และอุดมการณ์พรรคยังเหมือนเดิม เราเป็นพรรคที่ยึดถือใน 4 สถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ส่วนการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปแบบการบริหารยุทธศาสตร์ ก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการงานด้านการเมือง แต่แนวทางนโยบายอุดมการณ์คงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นปีที่เท่าไหร่ก็ตาม
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองช่วงสงกรานต์ว่าจะมีความชุ่มฉ่ำหรือร้อนแรง หรือจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในการอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 ที่ผ่านมา ต้องถือว่าทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ได้ทำหน้าที่กันอย่างสุดกำลังความสามารถ ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือพี่น้องประชาชน ส่วนที่เป็นข้อมูลเนื้อหาที่ดีที่ทางฝ่ายค้านนำมาอภิปรายให้คำแนะนำรัฐบาล ตนมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมที่จะนำไปพิจารณาเพื่อออกมาเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ส่วนสิ่งที่ได้มีการกล่าวหาหรือแย้งว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรตามที่พูดไว้บ้าง รัฐมนตรีส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาชี้แจงไปแล้ว ต้องถือว่าโดยภาพรวมเป็นการอภิปรายที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ประชาชนก็ได้ข้อมูล รัฐบาลก็รับฟังสิ่งที่เป็นข้อสงสัยของฝ่ายค้าน ตรงไหนที่มีความคลาดเคลื่อนเราก็ชี้แจง เมื่อเป็นเช่นนี้สงกรานต์ก็คงจะร้อนแต่อุณหภูมิ ซึ่งประชาชนก็เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของพรรคการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการปรับครม. เป็นเรื่องที่ต้องถามนายกฯแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 พรรคภูมิใจไทยไม่ค่อยโดนแตะหรือพูดถึงมีเคล็ดลับอะไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษ แต่จะสังเกตได้ว่ารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมอยู่ในสภาตลอด หากมีอะไรที่จำเป็นต้องชี้แจงก็ชี้แจง แต่อย่าไปบอกว่าภูมิใจไทยไม่โดนแตะเลย เพราะภูมิใจไทยวันนี้เป็นรัฐบาล ดังนั้น อะไรก็ตามต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ส่วนที่ชี้แจงในรายละเอียดเราก็พร้อมที่จะชี้แจง
ขอบคุณเนื้อหาจาก กรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/politics/1121200