ไทย 2-0 คีร์กีซสถาน : ประเด็นน่าสนใจจากเกม เอเชียน คัพ นัด ช้างศึก มอบของขวัญ…ได้ลุ้นลิ่วนัดหน้าทันที! – FEATURE

รายการ: ฟุตบอล เอเชียน คัพ 2023
วันแข่งขัน: วันอังคารที่ 16 มกราคม 2567
สนาม: อับดุลลาห์ บิน คาลิฟา สเตเดี้ยม, โดฮา, กาตาร์
ผลการแข่งขัน: ไทย 2-0 คีร์กีซสถาน

แม้จะต้องนับรวมเกมแพ้ ญี่ปุ่น ขาดลอย 0-5 ในวันขึ้นปีใหม่ แต่ก็แน่นอนว่าเกมวันนี้ คือ "เกมทางการนัดแรกสุด" สำหรับการทำหน้าที่ของ มาซาทาดะ อิชิอิ โค้ชญี่ปุ่นวัย 56 ในฐานะกุนซือทีมชาติไทย

การเริ่มต้นใหม่ (อีก) ครั้งนี้ของทัพช้างศึก ยังเป็นที่จับตามองจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อ อิชิอิ ต้องพาทีมเข้าร่วม เอเชียน คัพ 2023 ศึกชิงแชมป์ทวีปที่ กาตาร์ ท่ามกลางปัญหาสารพัด

นี่คือ "ส่วนหนึ่ง" ของนักเตะที่ไม่อยู่ใน squad ชุดนี้ของไทย : ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, เอกนิษฐ์ ปัญญา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ปกเกล้า อนันต์, ทริสตอง โด, มานูเอล ทอม บีร์, อดิศร พรหมรักษ์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา

ตัวความหวังอย่าง "เจ" กับ "มุ้ย" ไม่อยู่เพราะบาดเจ็บ และดาวรุ่งมีดีกรีอย่าง "บุ๊ค" ก็ถอนตัวไปจากทีมชาติ เมื่อทิ้งงานกับ อุราวะ เร้ดส์ มาไม่ได้

อิชิอิ ยังเลือกจะวางหมากแบบที่เขาเห็นว่า "เหมาะสมสุด" ซึ่งผิดไปจากการคาดการณ์ของหลายฝ่ายอยู่เหมือนกัน จนเป็น 11 คนแรกชุดนี้ – ปฏิวัติ คำไหม –
ธีราทร บุญมาทัน, เอเลียส ดอเลาะ, พรรษา เหมวิบูลย์, นิโคลัส มิคเกลสัน –
พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ – บดินทร์ ผาลา, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา – ศุภชัย ใจเด็ด

ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อดูชื่อนักเตะ บวกกับสถิติผลงานระยะหลัง หลายๆ ฝ่ายโดยเฉพาะสื่อนอก จะเชื่อว่า คีร์กีซสถาน ที่มีอันดับโลก ฟีฟ่า แรงกิ้ง เหนือกว่าไทย (98:111) จะ "มาแน่" โดยบางเจ้าให้ออกเสมอ และหลายเจ้ายก คีร์กีซสถาน ชนะ 2-1 หรือ 3-1 ขึ้นไป

นอกจากปัจจัยเรื่องของสภาพการณ์ปัจจุบันแล้ว ไทย ยังต้องปาดเหงื่ออีกเมื่อพบว่า "อดีต" ของการเล่นเกมเปิดหัวนัดแรก เอเชียน คัพ เป็นไปอย่างเลวร้าย–ตลอดศก

7 ครั้งก่อนหน้านี้ที่เข้ารอบสุดท้าย (2 หนเป็นเจ้าภาพ) พบว่า ไทย เสมอ 2 และแพ้ถึง 6 โดยไม่เคยเอาชนะเกมแรกได้เลย

หนล่าสุดเมื่อปี 2019 ก็กล้าๆ แพ้ชาติที่ถนัดคริกเก็ตและโรตีมากกว่าฟุตบอลอย่าง อินเดีย ย่อยยับ 1-4 ยังดีที่หลังจากนั้นฮึดขึ้น ชนะ 1 เสมอ 1 จนเข้ารอบน็อกเอาต์สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เมื่อลงสนามไปแล้ว ไทย "กินขาด" คีร์กีซสถาน ชัดเจน

ความคล่องตัว คุณภาพฝีเท้า ประสบการณ์ในเวทีใหญ่ของแข้งช้างศึก โดยเฉพาะบรรดาแนวรุก เล่นงานชาติอดีตสหภาพโซเวียตได้อย่างเห็นผล

ประตู 1-0 มาโดยไม่ต้องรอนาน (และไม่ต้องเฮเก้อซ้ำอีกหลังจาก VAR จับล้ำไปในลูกก่อนหน้า) ในนาที 26 บดินทร์ ผาลา ส่องไกลหน้าเขตโทษไปติดเซฟนายทวารปลิ้นออกมาข้างหน้า และ ศุภชัย ใจเด็ด ซ้ำดาบสองเข้าไปง่ายดาย

นำ 1-0 ในครึ่งแรก และรูปเกมก็เหนือกว่าแบบที่ ปฏิวัติ คำไหม นายทวารจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แทบไม่มีซีนออกจอ

โจทย์ในครึ่งหลังก็เหลือแค่ว่า ไทย "จะพลาดรึเปล่า" เท่านั้นเอง

เขี่ยเริ่มเล่นกันใหม่แค่ 4 นาที ไทย ก็ฉีกหนี 2-0 แล้ว นิโคลัส มิคเกลสัน เติมขึ้นมาเปิดที่สุดเส้นหลังขวา สุภโชค สารชาติ ขึ้นโขกติดกองหลังเด้งมาเข้าทาง ศุภชัย ใจเด็ด ปิดบัญชีเข้าไป

ประตูนี้ทำให้หัวหอกวัย 25 จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นนักเตะไทยคนที่ 2 ที่ทำประตูใน เอเชียน คัพ ได้ 2 สมัย ต่อจาก สุธี สุขสมกิจ

และที่สำคัญกว่า คือทำให้ ไทย "ขึ้นแท่น" รอเป็นผู้ชนะเกมนี้

หนึ่งคือ สองประตูมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ต้องรอนาน ไม่กดดัน

สองคือ ยังมีอีกเพียบจังหวะพลาดโอกาสทองของทั้ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และคนอื่นๆ

สามคือ คีร์กีซสถาน ไม่อันตรายเลย หน้าเป้า ตัวแปลงสัญชาติจากกาน่า โจเอล โคโจ ความแข็งแกร่งแรงปะทะสู้ เอเลียส ดอเลาะ กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ไม่ได้ ครั้นจะพึ่งพาตัวอื่นก็มองไม่เห็นใคร

และสี่คือ กว่าที่โค้ชคีร์กีซสถาน (สเตฟาน ทาร์โควิช อดีตกุนซือสโลวาเกีย) จะรู้ตัว ส่งตัวจี๊ด เบคนัซ อัลมาซเบคอฟ ปีกซ้ายดาวรุ่งวัย 18 จาก กาลาตาซาราย ลงมาปั่นป่วน นิโคลัส มิคเกลสัน (ที่วันนี้เด่นมากอีกคน) ก็สายเกินไปแล้ว

1) ได้โอกาสตะบันเน้นๆ ระยะอันตราย 5-6 หลา แต่กดไปชนเสาเข้าอย่างจัง จนแม้ ศุภชัย ใจเด็ด จะซ้ำเข้าไปก็ล้ำหน้า

2) ทะลุเข้าไปซัดทางฝั่งขวาเขตโทษ งัดสูงไปชนคานเต็มๆ

3) ทดเจ็บครึ่งแรกทะลุเดี่ยวไปยิงออกเอง เหมือนติดเซฟนายประตูเล็กๆ แต่ไม่ได้เตะมุม

4) ต้นครึ่งหลัง ได้ยิงโล่งๆ อีกแต่ก็ไม่ผ่านเซฟ เออร์ซาน โตโคตาเยฟ

4 จังหวะ 4 โอกาสนี้ ถ้า ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จะเฉียบคมกว่านี้นิด มีโชคช่วยกว่านี้หน่อย รับประกันซ่อมฟรี ไทยมี 3-0 หรือ 4-0 ไปแล้วในเกมนี้

นี่คงเป็นอีกบทเรียนของวันเดอร์คิดวัย 21 จาก โอเอช ลูเวิน ว่าเขาต้องฉกฉวยโอกาสให้ดีกว่านี้ เพิ่มประสิทธิภาพการจบสกอร์ให้ดีกว่าที่เป็น เพราะหากเป็นเกมคู่คี่สูสีที่ตัดสินกันด้วยรายละเอียดเล็กๆ แล้วล่ะก็ การใช้โอกาสเปลืองลักษณะนี้ ก็มีแต่จะส่งผลเสียต่อทีม

จบเกมที่ชัยชนะของ ไทย เหนือ คีร์กีซสถาน 2-0

น่าแปลกเหมือนกันว่านี่คือชัยชนะเกมที่ 3 เท่านั้น (ถัดจาก 2007 กับ 2019) ตลอดหน้าประวัติศาสตร์การเล่น เอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ทั้งหมด 25 เกม — ชนะ 3 เสมอ 9 แพ้ 13

เพียงแต่เมื่อ 3 แต้มแรกเข้ากระเป๋า เอเชียน คัพ งวดนี้แล้ว…

ดูไปดูมา มีโอกาสเลยที่ ไทย จะผ่านเข้ารอบได้แบบด่วนจี๋!

ด้วยเพราะโปรแกรมคราวนี้ค่อนข้างเป็นใจ จัดของแข็งสุดอย่าง ซาอุดีอาระเบีย เอาไว้ท้ายสุด พฤหัสบดีหน้า 25 ม.ค.

นั่นหมายถึงว่า หาก ไทย ไม่พลาดท่าแพ้ในเกม 2 ที่จะพบกับ โอมาน อาทิตย์นี้ 21 ม.ค. ไทย ก็จะมีเพิ่มเป็นอย่างน้อย 4 แต้ม หรืออย่างมาก 6 แต้ม

4 แต้มจาก 2 นัด ไม่ว่าจะ ไทย หรือทีมชาติไหนๆ ถ้าได้แบบนี้ก็ตีปีกสถานเดียว

ฉะนั้น สามทุ่มครึ่งวันอาทิตย์นี้ อย่างน้อยขอเสมอ อย่างมากขอชนะต่อ… เพื่อเข้ารอบแบบไม่ต้องชายตามองเกมกับ ซาอุฯ ให้เสียเวลา!

ขอบคุณเนื้อหาจาก 90min.com
https://www.90min.com/th/posts/post-match-analysis-thailand-2-0-kyrgyzstan-asian-cup-2023