ทนายด่าง เผยสาเหตุเสียชีวิตของบุ้ง ทะลุวัง กรมราชทัณฑ์ใส่ท่อช่วยหายใจผิดที่จากหลอดลมเป็นหลอดอาหาร
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า สาเหตุที่ น.ส.เนติพรเสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยหลังการเสียชีวิต ญาติไม่ได้รับรายงานการรักษา แต่เท่าที่ดูอาการของ น.ส.เนติพร 5 วันย้อนหลัง พอบ่งชี้ได้ถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาล รวมทั้งได้ขอภาพเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิด ซึ่ง รมว.และอธิบดี ยืนยันว่า มี และได้ตรวจสอบภาพแล้ว ก่อนนำไปแถลงให้สื่อมวลชนรับทราบ แต่กลับไม่ได้มอบให้กับทนายความ โดยอ้างกฎกระทรวง แม้พี่สาวของน.ส.เนติพร จะมอบให้ทนายความไปขอวงจรปิด ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องให้คุณพ่อ หรือคุณแม่ ไปรับเอง ซึ่งเรื่องนี้ย้อนแย้งกับการนำข้อมูลภาพวงจรปิดไปแถลงให้สื่อฟังหลายครั้ง โดยไม่ได้ขออนุญาตครอบครัวผู้ตายด้วยซ้ำ
ทนายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ประเด็นหลักคือรายงานการรักษาจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติที่ส่งมาให้ ระบุว่า น.ส.เนติพร มาถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เวลา 09.30 น. ซึ่งไม่หายใจและไม่มีสัญญาณชีพ วัดค่าลมหายใจเป็นศูนย์ และที่สําคัญมีการตรวจพบว่า การรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อนมาถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ นั้น มีการทําที่ผิดพลาด คือใส่ท่อช่วยหายใจผิดตําแหน่ง โดยใส่ในหลอดอาหารแทนที่จะใส่ในหลอดลม เพื่อนําออกซิเจนเข้าไปช่วยในการหายใจ ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยืนยันว่านี่คือหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทําให้บุ้งเสียชีวิต และมีเรื่องที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือแพทย์พบสารบางอย่าง ซึ่งตนยังไม่ขอเปิดเผยตอนนี้ รอผลวิเคราะห์แยกแยะอย่างเอียดก่อน และเพราะเหตุนี้หรือไม่ทางราชทัณฑ์จึงไม่ยอมส่งรายการการรักษาของ น.ส.เนติพร
ทั้งนี้ตนไม่อยากบอกว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ห่วย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้เกิดข้อกังขาหลายอย่างและถือเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะ น.ส.เนติพรเสียชีวิตภายใต้การควบคุมของราชทัณฑ์ ส่วนใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนั้นตนไม่ทราบ นอกจากนี้แพทย์ตรวจพบว่า มีค่าบางอย่างที่พุ่งสูงผิดปกติ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้แพทย์ตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะตนไม่ต้องการใส่ร้ายใคร แต่อยากบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจว่า ทํากันถึงขนาดนี้เลยหรือ
ทนายกฤษฎางค์ กล่าวทิ้งท้ายถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่า อย่าหลอกลวงให้ “ตะวัน”เซ็นเอกสารใดๆ หรือให้การใดๆ เพราะเด็กยังอยู่ในอาการเสียใจและอาการอ่อนแรงเป็นอย่างมาก และที่สําคัญ “ตะวัน” ถือเป็นพยาน ดังนั้นอยากให้ครอบครัวและเพื่อนช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้ดี เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับตะวันหรือไม่ แต่เชื่อว่าตอนนี้อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ปลอดภัยแน่นอน
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
ขอบคุณเนื้อหาจาก TOJO NEWS https://tojo.news/people-19052024-6/