สาเหตุรถบัสไฟไหม้ ประตูฉุกเฉินเปิดไม่ได้ ทนายบริษัทแจงแล้ว ทำสังคมอึ้ง

สาเหตุรถบัสไฟไหม้ ประตูฉุกเฉินเปิดไม่ได้ ทนายบริษัทแจงแล้ว ทำสังคมอึ้ง

โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียน จ.อุทัยธานี สังคมตั้งคำถามถึงสาเหตุที่ “ประตูฉุกเฉิน” ทำไมเปิดใช้งานจริงในยามวิกฤตไม่ได้? ทนายความของบริษัทรถบัสตอบแล้ว

จากเหตุการณ์ ฟไหม้รถบัสนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 ส่งผลให้หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดประตูฉุกเฉินจึงไม่สามารถเปิดออกได้ จนนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งนี้ นายอรรถพล เรืองสารณ์ ทนายความของบริษัทเจ้าของรถบัส ยืนยันว่า ประตูฉุกเฉินได้รับการตรวจสอบตามปกติ ตามระบบวิศวกรรมของขนส่ง ที่เปิดไม่ได้อาจเป็นเพราะมีน้ำหนักมาก จนเด็กและครูในรถไม่สามารถใช้แรงเปิดออกมาได้

คำตอบดังกล่าวสวนทางกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ คือ ไม่มีใครสามารถเปิดประตูเพื่อหนีตายออกมาได้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ประตูฉุกเฉินที่ติดตั้งนั้น ได้มาตรฐานจริงหรือไม่ หรือมีกลไกการเปิดปิดมีความซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็ก ๆ หรือที่หนักกว่าคือหลายคนสงสัยว่าอาจเป็นเพียง “ประตูหลอก” ที่ติดตั้งไว้เพียงเพื่อให้ผ่านการตรวจสอบ แต่ไม่สามารถใช้งานได้จริงในยามฉุกเฉิน

ทั้งนี้ ประตูรถบัสมีทางออกทั้งหมด 4 ทาง ประกอบด้วย ประตูฝั่งคนขับรถ, ประตูหน้ารถ, ประตูหลัรถ และ ประตูฉุกเฉิน ตามรายงานระบุว่า บริเวณแถว 3 และแถว 4 ใกล้กับประตูหลังและประตูฉุกเฉิน เป็นจุดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด

จากการตรวจสอบพบว่ารถบัสคันดังกล่าวมีอายุการใช้งานยาวนานมากถึง 54 ปี โดยจดทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 และมีการดัดแปลงเครื่องยนต์ รวมถึงการติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี (NGV) ที่ไม่ได้แจ้งจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและไฟไหม้ในครั้งนี้

อีกหนึ่งคำถามที่น่าขบคิด คือ เหตุใดเด็ก ๆ ส่วนใหญ่จึงไปอัดแน่นกันอยู่ท้ายรถบริเวณประตูฉุกเฉิน ซึ่งเป็นจุดที่พบผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นไปได้หรือไม่ว่า ประตูหน้าและประตูหลังของรถอาจติดขัดหรือถูกไฟลุกไหม้ปิดกั้นทางออก ทำให้เด็กๆ ต้องหนีตายไปรวมกันที่ท้ายรถ ซึ่งยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการหนีรอด

ทำไมประตูด้านหลังและประตูฉุกเฉินถึงเปิดไม่ออก

ทำไมประตูด้านหลังและประตูฉุกเฉินถึงเปิดไม่ออก

อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าประตูฉุกเฉินต้องเปิดออกได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือเครื่องมือ และต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง แต่เหตุการณ์นี้กลับสะท้อนให้เห็นถึง ความบกพร่องในการบังคับใช้กฎหมาย หรือการละเลยการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : เรื่องเด่นเย็นนี้, เรื่องเล่าเช้านี้


ขอบคุณเนื้อหาจาก Thaiger https://thethaiger.com/th/news/1252333/